รายการคืนความสุขให้คนในชาติ วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ตอนหนึ่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ได้พูดถึงธุรกิจเครื่องสำอางดังนี้
...ในช่วงเดียวกันของปี 2559 จะเห็นว่าเพิ่มเป็นจำนวนมากหลายเท่า ถ้าเราจัดการดีๆ ก็เป็นแบบนี้ทุกที่ นอกจากนี้ยังมีศูนย์กลางบริการด้านสุขภาพ ศูนย์กลางการแปรรูปผลผลิตการเกษตร รัฐบาลก็มีหลายมาตรการในการส่งเสริม เช่น การจัดตั้ง “เมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ Food Innopolis” เพื่อการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมใหม่ ๆ ป้อนอุตสาหกรรมอาหาร รวมทั้งเพื่อยกระดับความ สามารถของ Startup และ SMEs / ท่านเชื่อหรือไม่ว่าธุรกิจเครื่องสำอางค์นั้น จากตัวเลขทางสถิติ ชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจประเภทนี้ ไม่ได้ผันผวนไปตามเศรษฐกิจนะครับ ทุกคนยังใช้ ต้องใช้อยู่โดยเฉพาะสุภาพสตรี สุภาพบุรุษตอนนี้ก็ใช้แล้ว เครื่องสำอางบางอัน แต่ก็มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย ในเรืองของกิจการ Startup และ SMEs ด้านเครื่องสำอางค์หลายราย เป็นของไทย แต่จะถูกตั้งชื่อเป็นญี่ปุ่น เกาหลี เราคิดค้นออกมา แล้วการ Matching แล้วบริษัทก็เอาไปผลิต อันนั้นเป็นความจำเป็นเพราะเราผลิตเองไม่ได้ หลาย ๆ เรื่อง ตอนนี้ต้องไปสู่การผลิตเองบ้าง เช่น ผลผลิตเครื่องสำอางค์จากมะเขือเทศญี่ปุ่น + หอยทาก ที่ยกตัวอย่างมานั้น ก็เพื่อให้เห็นความสำคัญ ถึงในเรื่องของการวิจัยและพัฒนา สถาบันการวิจัยและพัฒนาที่เราเร่งรัดอยู่ รวมทั้งการส่งเสริมของภาครัฐจะต้องดูมาตรการทางการตลาดด้วย วิจัยพัฒนา Matching หาการตลาดในประเทศ - ต่างประเทศ ไปสู่มาตรฐานให้ได้ ผ่านมาตรฐาน สมอ. ผ่าน อย. เหล่านี้ รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการอยู่ทั้งหมด แล้วก็ฝากทุกคนด้วย ช่วยศึกษาหาความรู้ด้วย ไม่ใช่เห็นอะไรขายดีก็ทำมาขายแข่งกัน ระยะแรกก็ดีทั้งหมด ต่อไปวันหน้าก็ขาดทุนกันหมด เพราะว่าเหมือนกันยังไงเพราะฉะนั้นต้องดูให้ดี จะลงทุนอะไรก็ตาม ต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่าทำจนล้นตลาด เกินความต้องการ ราคาก็ตกอยู่ดี ก็ดูตัวอย่างจากสินค้าทางการเกษตรก็แล้วกัน เราควรมองธุรกิจต่อเนื่องให้ได้นะครับให้ทะลุตลอดไป เพื่อจะเชื่อมโยง ยกระดับต้องมีการพัฒนาเป็นขั้นเป็นตอน จากต้นทาง – กลางทาง – ปลายทาง มี Road map ของตัวเอง ว่าจะเอาทุนมาจากที่ไหน แล้วถ้าดีขึ้นเป็นที่ต้องการของตลาดเราจะพัฒนาอย่างไรซึ่งรัฐบาลก็สนับสนุนกองทุนในสิ่งที่มีศักยภาพอยู่แล้ว...